10 ที่เที่ยวน่าไปที่ต้องห้ามพลาดในโอซาก้า

          คุโรมง เป็นตลาดยอดฮิตและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งใน โอซาก้า หลายคนยกย่องให้เป็น "Osaka’s Kitchen" หรือ ครัวแห่งโอซาก้าเสน่ห์ของตลาดแห่งนี้คือ อาหารที่ขายมีทั้งของสด และ ปรุงสำเร็จพร้อมกิน จะกินหน้าร้าน ในร้าน หรือ ซื้อกลับมากินโรงแรมก็แล้วแต่สะดวกร้านค้าในตลาดแห่งนี้ น่าจะมีมากกว่า 150 ร้านชัวร์ๆ เพราะตลอด 2 ข้างทางมีร้านค้าเปิดเรียงรายกันเยอะมาก เน้นที่ อาหารทะเล เช่น กุ้งมังกร ขาปูยักษ์ ปลาไหลย่าง ทูน่า แซลมอน หอยเม่น หอยเชล์ เรียกว่า ยกทะเลมาขึ้นบกกันที่นี่เลย เรื่อยไปจนถึงเนื้อวากิวย่าง และอาหารประจำถิ่น อย่าง โอโคโนมิยากิ และขนม ผลไม้ต่างๆ

          จุดชมวิวอาเบะโนะ ฮารุกัส ด้วยความสูงมากถึง300 เมตรจึงกลายมาเป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นนั่นเอง บอกเลยว่ามาชมวิวที่นี่แจ่มมากๆวิวมุมสูงของเมืองสวยสุดๆ แถมยังมองเห็นได้รอบทิศรอบทางแบบ 360 องศาอีกต่างหากโดยการมาชมวิวจะอยู่ที่ดาดฟ้าชมวิวมีชื่อว่า Harukasu 300 อยู่บนชั้น58-60จะมีลานระเบียงไม้ ร้านคาเฟ่ และร้านขายของที่ระลึก บนชั้นที่ 60 สามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา นอกจากเป็นจุดชมวิวแล้ว ยังมีห้างสรรพสินค้า พิพิธภัณฑ์ศิลปะ และโรงแรมอีกด้วย

           Universal Studios Japan หรือ USJ หนึ่งในสวนสนุกสุดป๊อบที่ติดท็อปอันดับต้นๆ ของโลกที่ผู้คนแห่แหนมาเที่ยวเล่นสวนสนุกต่อปีเยอะมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกในปี 2022 เลยทีเดียว โดย USJ ที่เมืองโอซาก้านี้ เค้าเป็นสวนสนุกของค่ายยูนิเวอร์แซลสตูดิโอแห่งแรกที่สร้างขึ้นนอกอเมริกา และเป็นแห่งแรกในเอเชีย โดยความพิเศษของ USJ ที่ญี่ปุ่นนั้นก็ไม่เหมือนประเทศไหนในโลกแน่นอน ด้วยความที่เค้าเอาการ์ตูน มังงะ และเกมของญี่ปุ่นทั้ง มาริโอ (Mario), โปเกม่อน (Pokemon) หรือแม้แต่อีเวนท์พิเศษต่างๆ เช่น วันพีช (One Piece) เอามามิกซ์ผสมผสานกับความออริจินอลของหนังและการ์ตูนดังจากค่ายยูนิเวอร์แซล ออกมาเป็นเครื่องเล่นโซนต่างๆ ภายในสวนสนุกซึ่งไม่มีสวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ (Universal Studios) ที่ไหนในโลกนี้ทำได้อีกแล้ว นอกจากที่ญี่ปุ่นเค้า

          สถานที่ท่องเที่ยวสำหรับครอบครัว มีปลาหายาก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และสัตว์เลื้อยคลานในพื้นที่ทันสมัยสุดเก๋ ขึ้นชื่อว่าอควาเรียม ภาพที่อยู่ในความทรงจำของผมคงจะเป็นเหล่าบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ที่อยู่ในตู้กระจก แต่เมื่อได้มีโอกาสมาสัมผัส Nifrel Aquazoo อควาเรียมสุดล้ำแห่งใหม่ในโอซาก้า ก็ทำให้ผมได้เปลี่ยนความคิดไปจากเดิมเสียหมด เพราะที่นี่เป็นสวนสัตว์ที่มีทั้งสัตว์น้ำ สัตว์ปีก สัตว์บก และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำให้ชมมากมาย ภายใต้คอนเซ็ปต์ Sensitivity การเรียนรู้จากการสัมผัสในรูปแบบต่างๆ อย่างใกล้ชิด 

          ปราสาทโอซาก้าเป็นหลักเขตที่มีความโดดเด่นที่สุดของโอซาก้า สิ่งที่จะพลาดไม่ได้ถ้าไปถึงปราสาทโอซาก้าแล้วนั่นก็คือ ภาพปราสาทโอซาก้าที่มองมาจากสวนนิชิโนมารุ ปิกนิกในป่าซากุระละต้นบ๊วย ไปวิ่งในจัตุรัสพระอาทิตย์ หรือแถวๆ รอบนอกคูน้ำ และปราสาทโอซาก้ายังเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การวิ่งจ๊อกกิ้ง ปั่นจักรยาน และพักผ่อน

          เอาใจสายช้อป ไปละลายทรัพย์ในกระเป๋ากันที่ ญี่ปุ่น เมืองโอซาก้า กันดีกว่า คือสถานที่ช้อปสุดดังของที่นี่ นั่นก็คือ ชินไซบาชิ (Shinsaibashi) หรือ ชินไซบาชิซุจิ ชื่อคุ้นๆ กันถ้าพูดถึงแหล่งชอปปิ้งของ โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น แล้วล่ะก็ จะไม่นึกถึงที่นี่ไม่ได้เลย กับ ชินไซบาชิ (Shinsaibashi) หรือ ชินไซบาชิซุจิ ถนนชอปปิ้งที่มีระยะทางกว่า 600 เมตร เต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย ตั้งแต่ ร้านขายเสื้อผ้า ร้านอาหาร ร้านของใช้ รวมแล้วมากถึง 200 ร้านค้าเลยทีเดียวค่ะ  ซึ่งถนนนี้จะตั้งอยู่ทางเหนือของย่านโดทงโบริเลยค่ะ หรือ ย่านที่มีป้ายกูลิโกะนั่นเอง

          พิพิธภัณฑ์บะหมี่สำเร็จรูป (Momofuku Ando Instant Ramen Museum) ตั้งอยู่ที่เขตอิเคดะ จังหวัดโอซาก้า ซึ่งถือว่าเป็นเมืองต้นกำเนิดของเจ้าบะหมี่สำเร็จรูปเลยก็ว่าได้ ภายในมีการแสดงประวัติความเป็นมาไม่ว่าจะรูปแบบของบะหมี่สำเร็จรูปแบบถ้วยตั้งแต่ในอดีตจวบจนปัจจุบัน แถมยังมีโรงภาพยนตร์ขนาดย่อมไว้ให้ผู้ที่สนใจได้รับชมกันอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นยังมี workshop ทำเส้นบะหมี่ที่จะสามารถเห็นกรรมวิธีผลิตและทดลองทำตั้งแต่นวดแป้งไปจนกลายมาเป็นเส้นบะหมี่เหนียวนุ่ม ส่วนไฮไลท์เด็ดของที่นี่ก็คือ My Cup Noodle Factory ที่จะสามารถทำบะหมี่สไตล์ของเราเองทั้งสามารถเลือกน้ำซุปที่จะมีให้เลือก 4 รสชาติ ได้แก่ น้ำซุปไก่ รสซีฟู๊ด รสแกงกะหรี่ และรสพริกมะเขือเทศ พร้อมเครื่องถ้วยละ 4 ชนิด แล้วยังได้วาดๆเขียนๆครีเอทลายของถ้วยแบบที่มีหนึ่งเดียวของโลกด้วยมือเราเองอีกต่างหาก

          หมู่บ้านอเมริกา (America Mura) หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกกันอย่างติดปากกว่า อะเมะมุระ นับเป็นย่านวัยรุ่นที่รวมเอาร้านค้าแฟชั่นสไตล์ตะวันตกเหมือนยกอเมริกามาไว้ในโอซาก้า แฟชั่นการแต่งตัวของวัยรุ่นที่มาเดินในย่านนี้นี่ถือว่าเด็ดดวงไม่แพ้ย่านชิบุย่าในโตเกียวเลย ทั้งยังเป็นที่นิยมมาแฮงค์เอ้าของเหล่าวัยรุ่นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยจะมารวมตัวกันทำกิจกรรมชิคๆคูลๆอย่างการแสดงดนตรีสด การเต้นรำ โคเวอร์ต่างๆ ไปจนถึงการแสดงแนวอาร์ตๆหลากหลายรูปแบบ ร้านรวงส่วนมากจะขายสินค้านำเข้าจากทางอเมริกาหรือแฟชั่นสไตล์ตะวันตกเป็นหลัก สถาปัตยกรรการตกแต่งไม่ว่าจะแนวถนน โคมไฟ หรืออาคารก็ให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายความเป็นตะวันตกแตกต่างจากพื้นที่อื่นๆอย่างเห็นได้ชัด ขนาดเพลงที่เปิดยังเป็นเพลงอเมริกันเรียกได้ว่ายิ่งเสริมให้บรรยากาศนี่แทบไม่เหมือนเดินอยู่ในญี่ปุ่นเลยทีเดียว

          โดทงโบริ (Dotonbori) คือ ย่านใจกลางเมืองโอซาก้า สัญลักษณ์ที่โดนเด่น คือมีป้ายไฟขนาดใหญ่ยักษ์ ตั้งตระหง่านดึงดูดสายตานักท่องเที่ยว ซึ่งป้ายไฟ กูลิโกะ (Glico) ที่เป็นรูปนักวิ่งชายหนุ่ม กางแขนสองข้าง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโดทงโบริ อีกทั้ง ย่านโดทงโบริ ยังเป็นสวรรค์ของนักชิม เพราะเต็มไปด้วยอาหาร และของกินขึ้นชื่อมากมาย ร้านปูยักษ์ Kani Doraku ที่มีชื่อเสียง ของย่านโดทงโบริ ขายปูอลาสก้า ปิ้ง เป็นชิ้น รสชาด ออกเค็มนิดๆ แล้วแต่คนชอบ โดทงโบริคือย่านยอดฮิตของโอซาก้าสำหรับทั้งนักท่องเที่ยวและผู้รักการสังสรรค์ บริเวณนี้เต็มไปด้วยป้ายนีออนขนาดใหญ่ คลับ บาร์ และร้านอาหารซึ่งให้บริการอาหารขึ้นชื่อของท้องถิ่น แวะเวียนมาเยี่ยมชมที่นี่ได้เพื่อสัมผัสกับชีวิตยามค่ำคืนของโอซาก้าที่น่าตื่นตาตื่นใจและพลาดไม่ได้

          ศาลเจ้าแห่งนี้ไม่ใช่แค่ด้านสถาปัตยกรรมที่ทำให้น่าสนใจ หากยังเป็นเพราะความศักดิสิทธิ์ของเทพคามิ (เทพเจ้าชินโต) ที่เชื่อว่าเมื่อสักการะแล้วจะเดินทางปลอดภัย แคล้วคลอดจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง โดยเฉพาะในหมู่ชาวประมงและชาวเรือที่ให้ความนับถือเทพเจ้าองค์นี้มากๆ เห็นได้จากการที่สามารถเห็นศาลเจ้ารูปแบบนี้ได้ตามบริเวณใกล้ๆท่าเรือ นอกจากตัวศาลเจ้าหลักอย่างศาลเจ้าสุมิโยชิแล้วนั้น บริเวณเดียวกันยังเป็นที่ตั้งของอีกสองศาลเจ้านั่นก็คือ ศาลเจ้าอิเสะ (Ise Shrines) เป็นแบบชินมัย-ซึคุริ (Shinmei-zukuri ) และศาลเจ้าอิสึโมะ (Izumo Taisha) เป็นแบบไทชา-ซึคุริ Taisha-zukuri ที่ก็นับว่ามีเอกลักษณ์ด้านสถาปัตยกรรมที่น่าดูน่าชมไม่ด้อยไปกว่ากันเลย เอาเป็นว่าถ้ามาที่นี่เรียกว่ามาหนึ่งได้ถึงสามเลยนะคะ เดินทางมาที่เดียวอย่างคุ้ม